ระเบียบและข้อบังคับชมรมศิษย์เก่า(ฉบับร่าง)

(ฉบับร่าง)
[Download เอกสารฉบับร่าง]
ระเบียบและข้อบังคับชมรมศิษย์เก่า

วิทยาลัยพณิชยการบึงพระพิษณุโลก พ.ศ. 2557
หมวด 1 ชื่อ เครื่องหมาย และสถานที่ตั้ง
ข้อ 1 ชมรมนี้มีชื่อว่า “ชมรมศิษย์เก่าวิทยาลัยพณิชยการบึงพระพิษณุโลก” ตัวย่อ “ช.ร.วพณ.”
ข้อ 2 เครื่องหมายของชมรมเป็นรูปตราสัญลักษณ์วิทยาลัยพณิชยการบึงพระพิษณุโลก พร้อมข้อความด้านล่าง
“ชมรมศิษย์เก่า”
ข้อ 3 สำนักงานของชมรมตั้งอยู่ที่ 410 ถนนพิษณุโลก-บึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000
ข้อ 4 ชมรมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและธุรกิจใดๆ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
4.1 ส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีต่อกันในระหว่างศิษย์เก่าทุกรุ่น
4.2 ส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่วิทยาการ
4.3 ส่งเสริมสวัสดิการและการศึกษาของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน
4.4 ส่งเสริมสนับสนุนกิจการของวิทยาลัย
4.5 ส่งเสริมเกียรติของวิทยาลัยและศิษย์เก่าประกอบคุณงามความดี หรือศิษย์เก่าดีเด่น
4.6 ส่งเสริมการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์
4.7 ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
หมวด 2 ประเภทสมาชิก คุณสมบัติ การสมัครเข้าเป็นสมาชิก และค่าบำรุง
ข้อ 5 สมาชิกของชมรมมี 2 ประเภท คือ
5.1 สมาชิกกิตติมศักดิ์
5.2 สมาชิกสามัญ
ข้อ 6 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลที่อุปการะช่วยเหลือทำประโยชน์แก่ชมรม ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ที่มีความสนใจ
ในกิจการของชมรม หรือผู้มีเกียรติที่คณะกรรมการบริหารชมรมเห็นสมควรเชิญเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
ข้อ 7 สมาชิกสามัญ ได้แก่
7.1 ผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยทุกรุ่น ทุกคน
7.2 ผู้ที่เคยเป็นนักเรียน นักศึกษาในวิทยาลัย ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการบริหาร
7.3 นักเรียน นักศึกษา ปัจจุบันของวิทยาลัย
ข้อ 8 การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรม
8.1 ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกให้ยื่นใบสมัครตามแบบฟอร์มของชมรม ต่อเลขานุการชมรม
8.2 ให้เลขานุการนำรายชื่อผู้สมัครเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาในการรับรองเข้า
เป็นสมาชิก
8.3 เมื่อคณะกรรมการบริหารได้ลงมติรับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ให้เลขานุการแจ้งให้ผู้สมัครทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
8.4 ผู้ที่ได้เป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์แล้ว ให้นายทะเบียนลงชื่อไว้ในทะเบียนสมาชิกของชมรม
ข้อ 9 การชำระค่าบำรุงชมรม
9.1 สมาชิกกิตติมศักดิ์ไม่ต้องชำระค่าบำรุงชมรม
9.2 สมาชิกสามัญชำระค่าบำรุงชมรมตลอดชีพคนละ 100 บาท
ข้อ 10 การพ้นสภาพของสมาชิกชมรม
10.1 ออกตามวาระ
10.2 ตาย
10.3 ลาออก และต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธานชมรม
10.4 คณะกรรมการมีมติให้ออกโดยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ให้ออกจากการเป็นสมาชิกชมรมเนื่องจาก
ประพฤติตนนำความเสื่อมเสียมาสู่ชมรม
10.5 ต้องรับโทษอาญาโดยคำพิพากษาจำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำขึ้นโดย
ประมาท
หมวด 3
คณะกรรมการบริหารชมรม
ข้อ 11 คณะกรรมการบริหารชมรม (รวมแล้วไม่เกิน 25 คน) ประกอบด้วย
- ประธานชมรม
- รองประธานชมรม
- เลขานุการชมรม
- เหรัญญิก
- นายทะเบียน
- ประชาสัมพันธ์
- และกรรมการตำแหน่งอื่นๆ ตามเห็นสมควร
ข้อ 12 การได้มาของคณะกรรมการบริหาร มีดังนี้
12.1 ตำแหน่งประธานชมรม ให้เลือกตั้งจากสมาชิกสามัญในที่ประชุมใหญ่ ตามระเบียบและวิธีการที่ชมรมกำหนด ทั้งนี้ถ้าหมดวาระ ให้ดำเนินการสรรหาให้แล้วเสร็จก่อนครบวาระไม่น้อยกว่า 30 วัน
12.2 กรรมการบริหารตำแหน่งอื่นๆ ให้ประธานชมรมที่ได้รับเลือกตั้งตามข้อ 12.1 เลือกสรรจากสมาชิกสามัญ เพื่อเสนอและแต่งตั้ง
12.3 ให้ประธานชมรมคนที่จะพ้นวาระ ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ตามรายชื่อในข้อ 12.1 และ 12.2 ภายใน 30 วัน นับจากวันเลือกตั้งประธานชมรมคนใหม่ และส่งมอบงานให้ประธานชมรมคนใหม่ภายใน 15 วัน นับจากวันแต่งตั้ง หากการมอบหมายงานไม่เสร็จสิ้นภายในกำหนดดังกล่าว ให้คณะกรรมการบริหารชมรมชุดเก่าหมดอำนาจหน้าที่ และให้คณะกรรมการบริหารชมรมชุดใหม่รับผิดชอบบริหารได้ทันที
ข้อ 13 คณะกรรมการการบริหารชมรม มีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย
ข้อ 14 กรรมการบริหารชมรมแต่ละคนพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
14.1 ครบวาระการดำรงตำแหน่ง
14.2 ตาย
14.3 ลาออก
14.4 ขาดประชุมเกิน 3 ครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควร
14.5 คณะกรรมการบริหารชมรมมีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ให้ออก เนื่องจากทำความเสื่อมเสียแก่ชมรม
14.6 เมื่อประธานชมรมพ้นจากตำแหน่ง
14.7 เฉพาะตำแหน่งประธานชมรม จะพ้นจากตำแหน่งด้วย เมื่อที่ประชุมใหญ่ของชมรมมีมติให้ถอดถอนด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของผู้มาประชุม
ข้อ 15 เมื่อกรรมการบริหารตำแหน่งใดว่างลงก่อนครบวาระให้ดำเนินการ ดังนี้
15.1 ตำแหน่งประธานชมรมว่างลง ให้รองประธานชมรมคนที่หนึ่งรักษาการแทนประธานชมรม และกรรมการบริหารที่เหลือเป็นกรรมการชุดรักษาการ และดำเนินการจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งประธานชมรมคนใหม่ และดำเนินการตามข้อ 12.1 และ 12.2 ให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน
15.2 ตำแหน่งอื่นๆ ว่างลงให้ประธานชมรมพิจารณาแต่งตั้งจากสมาชิกสามัญ โดยมีวาระเท่าที่เหลือของผู้ที่ตนแทน
15.3 คณะกรรมการบริหารชมรมมีหน้าที่บริหารกิจการของชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ภายใต้ข้อบังคับนี้ และมีอำนาจออกระเบียบหรือประกาศใดๆ ที่ไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับนี้
ข้อ 16 หน้าที่ของกรรมการบริหารแต่ละตำแหน่ง มีดังนี้
16.1 ประธานชมรม มีหน้าที่ควบคุมการบริหารชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป็นผู้ลงนามและแต่งตั้งถอดถอนกรรมการ หรืออนุกรรมการต่างๆ ของชมรม เป็นผู้แทนของสมาชิกของชมรมในกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือบุคคลภายนอก และเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารและการประชุมใหญ่
16.2 รองประธานชมรม มีหน้าที่ทำการแทนประธานชมรมเมื่อประธานชมรมไม่อยู่หรือไม่สามารถทำการได้ รวมทั้งงานอื่นๆ ที่ประธานชมรมมอบหมาย
16.3 เลขานุการ มีหน้าที่กำกับดูแลงานธุรการของชมรม นัดประชุม จัดเตรียมวาระการประชุม และจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารและการประชุมใหญ่ และดำเนินงานหรือกิจการอื่นๆ
ของชมรมที่มิได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการอื่นโดยเฉพาะ 16.4 เหรัญญิก มีหน้าที่รับ–จ่าย รักษาเงิน ทำบัญชี และเก็บรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงิน 16.5 นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำทะเบียนสมาชิก และจัดให้มีการลงทะเบียนเมื่อมีการประชุมใหญ่ 16.6 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารแก่สมาชิกและบุคคลทั่วไป และสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างหมู่สมาชิก 16.7 กรรมการอื่นๆ มีหน้าที่ตามที่คณะกรรมการบริหารชมรมมอบหมาย ข้อ 17 การประชุมคณะกรรมการบริหารชมรม ต้องมีกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ จำนวนกรรมการบริหารชมรมทั้งหมด จึงจะครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานชมรมที่ประชุมชี้ขาด ข้อ 18 ให้คณะกรรมการบริหารเชิญบุคคลอื่นใดเป็นกรรมการที่ปรึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับ การบริหารกิจการของชมรม แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงมติ กรรมการที่ปรึกษาสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการบริหารชมรมชุดที่เสนอแต่งตั้งให้พ้นจากตำแหน่ง ข้อ 19 ให้คณะกรรมการบริหารชมรมเสนอแต่งตั้งผู้แทนศิษย์เก่าของจังหวัดต่างๆ เพื่อเป็นอนุกรรมการ ประสานงาน ระหว่างชมรมกับศิษย์เก่าที่อยู่ต่างจังหวัด และอนุกรรมการประสานงานสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการบริหารชมรมชุดที่เสนอแต่งตั้งครบวาระ
หมวดที่ 4 การเงินและทรัพย์สิน
ข้อ 20 ชมรมมีรายได้จาก 20.1 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาค 20.2 รายได้จากการจัดกิจกรรม
20.3 รายได้อื่นๆ ข้อ 21 เงินของชมรมให้ฝากไว้ในธนาคารพาณิชย์ การเบิกเงินหรือลงนามในเช็คหรือตั๋วสัญญาใช้เงิน ให้ประธานชมรมหรือผู้ทำการแทน หรือเลขานุการ ลงลายมือชื่อร่วมกับเหรัญญิก ข้อ 22 เหรัญญิกสามารถเก็บรักษาเงินสดไว้เพื่อทดลองจ่ายได้ไม่เกิน 2,000 บาท ข้อ 23 ประธานชมรมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของชมรมได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าเกิน 5,000 บาทแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ให้ประธานชมรมและเลขานุการเป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่าย และถ้าการสั่งจ่ายในแต่ละครั้งเกิน 10,000 บาท ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร ข้อ 24 เหรัญญิกต้องจัดให้มีบัญชีการเงิน พร้อมด้วยหลักฐานการรับจ่ายให้ถูกต้องตามหลักการบัญชี หลักฐานการรับจ่ายต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อการตรวจสอบ
ข้อ 25 เหรัญญิกต้องจัดทำรายงานงบดุล และเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี ข้อ 26 ทรัพย์สินอื่นของชมรมที่มิได้เป็นตัวเงิน ให้อยู่ในความรับผิดชอบของเลขานุการ
หมวดที่ 5 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ 27 สมาชิกชมรมมีสิทธิ
27.1 เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญ ประชุมใหญ่วิสามัญ
27.2 สมาชิกสามัญ มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง และเป็นกรรมการบริหารของชมรม
27.3 ได้รับบริการ หรือผลประโยชน์ที่ชมรมจัดให้สมาชิก
ข้อ 28 สมาชิกมีหน้าที่
28.1 ปฏิบัติตามข้อบังคับของชมรม และระเบียบ ซึ่งคณะกรรมการบริหารกำหนดขึ้น
28.2 สนับสนุน และส่งเสริมกิจกรรมของชมรม เพื่อให้การดำเนินงานของชมรมบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
หมวด 6 การประชุม
ข้อ 29 การประชุม แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
29.1 การประชุมคณะกรรมการบริหาร
29.2 การประชุมใหญ่วิสามัญ
29.3 การประชุมใหญ่สามัญ
ข้อ 30 การประชุมคณะกรรมการบริหาร มีดังนี้
30.1 ให้คณะกรรมการบริหารประชุมปรึกษาหารือกิจการของชมรมปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง โดยให้เลขานุการเป็นผู้เรียกประชุม ตามความเห็นชอบของประธานชมรม หรือของกรรมการบริหารตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป
30.2 องค์ประชุมทุกครั้ง ต้องมีกรรมการบริหารชมรมเข้าประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการบริหารทั้งหมด ให้ประธานชมรมเป็นประธานที่ประชุม ถ้าประธานหรือผู้ทำหน้าที่แทนไม่อยู่ให้ประชุมเลือกตั้งประธานชั่วคราวในการประชุมนั้น
30.3 มติของคณะกรรมการบริหารชมรมให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 31 การประชุมใหญ่วิสามัญ ให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ได้ดังนี้
31.1 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเห็นสมควรให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง
31.2 สมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า 50 คน มีสิทธิร้องขอให้เปิดประชุมใหญ่วิสามัญได้โดยแสดงความจำนงเป็นหนังสือต่อเลขาธิการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ถ้าสมาชิกที่ร้องขอมาประชุมไม่ถึงจำนวน 50 คน ให้ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม
31.3 ทั้งข้อ 31.1 และ 31.2 ให้เลขานุการเป็นผู้นัดหมายพร้อมกับส่งระเบียบวาระการประชุมให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 50 คน และก่อนเวลาประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน
31.4 การประชุมใหญ่วิสามัญทุกครั้งต้องมีสมาชิกเข้าประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน จึงจะเป็นองค์ประชุม (องค์ประชุมของการประชุมใหญ่วิสามัญประกอบด้วยสมาชิกและ/หรือสมาชิกที่ได้มอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรให้สมาชิกอื่นเป็นผู้แทน) ถ้าพ้นเวลานัดหมายไป 30 นาทีแล้ว ยังไม่ครบองค์ประชุมให้ยกเลิกการประชุมใหญ่วิสามัญนั้น
ข้อ 32 การประชุมใหญ่สามัญ ให้คณะกรรมการบริหารเรียกประชุมใหญ่สามัญอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง โดยให้เลขานุการเป็นผู้นัดหมายพร้อมส่งระเบียบวาระการประชุม ให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน องค์ประชุมของการประชุมใหญ่สามัญต้องประกอบด้วย สมาชิกหรือสมาชิกที่ได้มอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร ให้สมาชิกอื่นเป็นผู้แทนรวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 คน ในกรณีที่พ้นเวลานัดหมายไป 30 นาที แล้วยังไม่ครบองค์ประชุมให้ยกเลิกการประชุมในวันนั้น และให้เรียกประชุมใหม่ภายใน 30 วัน การประชุมครั้งนี้ สมาชิกจะมาเท่าใดไม่จำกัดให้ถือเป็นองค์ประชุมได้ การประชุมใหญ่สามัญให้มีระเบียบวาระดังต่อไปนี้
วาระที่ 1 เรื่องแจ้งเพื่อทราบ
ประธานแถลงผลงานในรอบปี
เหรัญญิกแถลงบัญชีรายรับ
รายจ่ายและบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมา (ซึ่งผู้ตรวจบัญชีของชมรมรับรองแล้ว)
วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี.................... (ปีที่ผ่านมา)
วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง
วาระที่ 4 เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา
แก้ไขข้อบังคับชมรม (ถ้ามี)
เสนอประมาณการรายรับ
รายจ่าย งบประมาณประจำปี พ.ศ...................
ปรึกษากิจการชมรม
วาระที่ 5 เรื่องอื่นๆ
ข้อ 33 การประชุมใหญ่ทุกครั้งให้ประธานชมรมเป็นประธานที่ประชุม ถ้าประธานชมรมไม่อยู่หรือไม่สามารถดำเนินการได้ให้รองประธานชมรมเป็นประธานที่ประชุม ถ้าทั้งประธานชมรม และรองประธานชมรมไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการบริหารคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุมนั้น
ข้อ 34 นอกจากจะบังคับไว้เป็นอย่างอื่น มติของที่ประชุมใหญ่ให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 35 ในการประชุมใหญ่และประชุมคณะกรรมการบริหารทุกครั้งให้เลขานุการเป็นผู้บันทึกรายงานการประชุมและให้ประธานที่ประชุมลงนามรับรองไว้เป็นหลักฐาน
หมวด 7 การแก้ไขข้อบังคับ
ข้อ 36 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อบังคับ จะทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีหรือที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงที่มาประชุม
ข้อ 37 ที่ประชุมใหญ่ลงมติในการนี้ ก็ต่อเมื่อมีสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงไม่น้อยกว่า 20 คน หรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้เสนอโดยให้เสนอเป็นหนังสือต่อเลขานุการล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่นั้น ไม่น้อยกว่า 30 วัน
ข้อ 38 ให้เป็นหน้าที่ของเลขานุการส่งสำเนานั้นให้สมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงทราบไม่น้อยกว่า 10 วัน และให้ประกาศไว้ ณ สำนักงานชมรมไม่น้อยกว่า 5 วัน ก่อนที่จะมีการประชุม
ข้อ 39 ข้อบังคับที่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมดังกล่าวนั้น ให้ใช้ข้อบังคับเมื่อได้จดทะเบียนต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่แล้ว
หมวด 8 การยกเลิกชมรม
ข้อ 40 การยกเลิกชมรมจะกระทำได้โดยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมดมีมติให้ยกเลิก
ข้อ 41 ให้ที่ประชุมใหญ่เป็นผู้ลงมติแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี และการชำระบัญชีให้เป็นไปตามกฎหมาย
ข้อ 42 ทรัพย์สินของชมรมที่เหลือจากการชำระบัญชีมีอยู่เท่าใด ให้ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของวิทยาลัยพณิชยการบึงพระพิษณุโลก
หมวด 9 บทเฉพาะกาล
ข้อ 43 ให้ใช้ข้อบังคับใหม่นี้เมื่อได้รับอนุมัติจากที่ประชุม
ประกาศใช้ ณ วันที่..........เดือน.....................พ.ศ......................
ลงชื่อ......................................................ผู้รับรองข้อบังคับ
ประธานชมรมศิษย์เก่าวิทยาลัยพณิชยการบึงพระพิษณุโลก
[Download เอกสารฉบับร่าง]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น